สำหรับหลายๆ คน บอร์ดเกมคงเป็นกิจกรรมที่ไว้เล่นกับเพื่อนและครอบครัวอย่างสนุกสนาน และสร้างความสัมพันธ์ที่ดี ซึ่งมันทำให้ผมนำบอร์ดเกมมาเล่นกับเพื่อนในที่ทำงานเหมือนกัน และมันก็สนุกด้วยเมื่อเล่นกันหลายคน

9 ข้อดีเมื่อนำ Board game มาใช้ในองค์กร
ในโลกปัจจุบันที่มีความวุ่นวาย และมีการเชื่อมโยงถึงกันตลอดเวลา หลายคนมีแนวโน้มที่จะทำงานมากขึ้น และหยุดพักน้อยลง และมีการเสพติดมือถือมากขึ้นไปอีก ซึ่งในโลกของการทำงานก็เป็นแบบนั้น มีการใช้ชีวิตวนแบบเดิมๆ เช่น มาทำงาน > กินข้าว > ทำงาน > กลับบ้าน แล้

อย่างไรก็ตาม ผมนั้นไม่สามารถเล่นกับเพื่อนที่ทำงานได้ทุกครั้ง เวลามีจำกัด และทุกคนก็มีหน้าที่ของตัวเองที่ต้องไปเหมือนกัน และก็ไม่ใช่ทุกคนที่จะชอบบอร์ดเกมเหมือนเรา

มันจึงทำให้ผมต้องตัดสินใจตามหาบอร์ดเกมที่สามารถเล่นคนเดียวได้ และผมก็เจอมันนั้นก็คือ Spirit island มันเป็นบอร์ดเกมแนว Deck building และการเล่นคล้าย Tower Defense ซึ่งศัตรูจะมาหาเราเป็นรอบ ๆ และเก่งขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งเราเองก็จะต้องบริหารจัดการตามรอบ และเราก็จะเก่งขึ้นเรื่อย ๆ ตามการ์ดในมือ

10 ข้อดีของการเล่น Spirit Island Board Game
ในยุคที่มีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว คงจะดีไม่น้อยหากเราหาวิธีที่จะมีประสิทธิภาพมากขึ้นและจัดการช่วงเวลาอันมีค่าของเราได้ดีขึ้น มองไม่ไกลจากโลกแห่งบอร์ดเกม เชื่อหรือไม่ว่าบอร์ดเกมที่สร้างขึ้นอย่างดีสามารถฝึกทักษะการวางแผนและการจัดการเวลาได้ดีมาก เหมือนชีวิตจริ

ผมเลยอยากจะขอเล่าประสบการณ์ที่ได้เล่นบอร์ดเกมคนเดียวมาให้อ่านกัน

มันช่วยให้โต๊ะสะอาด

นี่อาจดูเหมือนเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี ในการเล่นบอร์ดเกมจำเป็นต้องเล่นบนโต๊ะ!!! และต้องการพื้นที่ ผมจำเป็นต้องจัดทุกอย่างให้เรียบร้อย โดยการเคลียร์โต๊ะทั้งหมดและเช็ดทำความสะอาดก่อนที่จะเริ่มตั้งค่าบอร์ดเกม หลังจากจบเกม โต๊ะของผมก็สะอาดและว่างเปล่า

บางคนอาจแย้งว่าข้อดีประการหนึ่งของการเล่นบอร์ดเกมคนเดียวคือคุณไม่จำเป็นต้องล้างข้อมูลเกมเนื่องจากการตั้งค่าพร้อมสำหรับการเล่นถัดไป อย่างไรก็ตาม พื้นที่บ้านผมมีจำกัด และโต๊ะประจำที่ใช้เล่นคือโต๊ะกินข้าว ฉะนั้นผมจึงไม่สามารถวางอุปกรณ์ของเกมทิ้งไว้ได้ และจำเป็นต้องเก็บมันทุกครั้ง เพื่อให้โต๊ะกลับมาสะอาดเหมือนเดิม

เมื่อโต๊ะสะอาด มันก็ทำให้บ้านโดยรวมดูดีขึ้น 😄 มันคือความฟินอย่างหนึ่ง...

การตั้งค่าให้ความรู้สึกเหมือนเป็นพิธีกรรม

ในฐานะที่ผมชอบ Spirit island มาก ผมได้ลงทุนในอุปกรณ์เสริมอื่น ๆ เพื่อสร้างการจัดวางที่ชัดเจนและเป็นระเบียบ และ Token ต่าง ๆ ที่ทำให้ตัวเกมดูมีชีวิตชีวามากขึ้น การตั้งค่า Spirit island ไม่ใช่งานที่ง่ายที่สุด แต่หลังจากทำหลายครั้ง มันเกือบจะเหมือนกับเป็นพิธีกรรมสำหรับผมในการกำหนดอารมณ์ ผมสนุกกับการวางทุกสิ่งทุกอย่างไว้ในที่ที่เหมาะสม

การจัดวางอย่างเหมาะสมในทุกครั้งก่อนเล่น ก็เพิ่มความสนุกได้
การจัดวางอย่างเหมาะสมในทุกครั้งก่อนเล่น ก็เพิ่มความสนุกได้

ที่เก็บ Token ควรอยู่จุดนี้จะได้หยิบง่าย บอร์ดของ Invader ต้องอยู่ส่วนนี้เพื่อที่จะได้มองเห็นและนับรอบการเล่นได้ง่าย และ Token ก็ต้องจัดวาง และซ้อนกันอย่างเรียบร้อยตรงนั้น อาจดูเหมือนโรคย้ำคิดย้ำทำ (OCD) เล็กน้อย แต่ผมดีใจมากที่ได้เห็นบอร์ดเกมของผมตั้งค่าอย่างถูกต้องก่อนที่จะเริ่ม มันช่วยให้ผมรู้สึกเตรียมพร้อมแต่ก็สบายใจ

เพิ่มเสียงบรรยายกาศ

ผมพบว่ามันยากที่จะอธิบาย แต่ผมจะลองดู ผมเชื่อว่าความชอบนี้เกิดจากการเติบโตมาในครอบครัวที่มีพี่น้อง ซึ่งความเงียบนั้นหาได้ยาก เวลาผมเล่นบอร์ดเกมคนเดียวอย่างเงียบๆ มันรู้สึกแปลก ๆ ผมเลยชอบเปิดเสียงดนตรีให้เข้ากับการเล่น Spirit island จะได้รู้สึกว่าเราอยู่ในเกาะนั้นจริง ๆ ลองค้นหาใน Youtube ว่า "Spirit island song" แล้วเปิดไปพร้อมกับเล่นไปด้วย มันช่วยเพิ่มความสนุกขึ้นมาก

ชนะคนเดียวอาจไม่รู้สึกดี แต่รู้สึกดีกว่าแพ้ด้วยกัน

ข้อเสียประการหนึ่งของการเล่นเกมกระดานเดี่ยวคือไม่สามารถแบ่งปันความสุขในการเล่นร่วมกับผู้อื่นได้ ความตื่นเต้นในการเชียร์หรือความตกใจเมื่อเปิดเผยการ์ดเหตุการณ์อันตรายจะหายไปเมื่อเราเล่นคนเดียว โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเราชนะ เกมอย่าง Spirit island เป็นเกมที่ท้าทาย ดังนั้นเมื่อเราได้รับชัยชนะ ก็คงต้องการเฉลิมฉลองบอกกล่าวให้คนอื่นทราบ แต่จะไม่มีใครมาร่วมแบ่งปันความตื่นเต้นของเราเลย >.<

อย่างไรก็ตาม บ้างครั้งหากเล่นกับเพื่อน แล้วแพ้เนื่องจากการ์ดเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแบบสุ่มของเกม หรือในกรณีของ Sprit island คือการ์ด Event ที่จะออกมาได้ทั้งแง่ที่เสริมให้แผนเราดีขึ้น หรือแย่ที่ทำให้แผนที่วางไว้พังได้ มันดูเหมือนไม่ยุติธรรม แต่ผมก็ยอมรับได้นะเพราะทุกวันนี้ในโลกเราความเป็นจริง เราก็ต้องเจอเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันเข้ามา และเราก็ต้องรับมือมันให้ได้ ก็แค่นั้น

ซึ่งโดยส่วนตัวแล้ว ผมไม่ได้รู้สึกแย่ที่จะแพ้เกมอย่าง Spirit island มันเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติของเกม หากไม่มีองค์ประกอบแบบสุ่มเหล่านี้ในเกมแบบร่วมมือ (Co-op) หรือเกมเดี่ยว (Solo) คงไม่มีความท้าทายมากนัก ดังนั้นการสูญเสียจึงทำให้รู้สึกยอมรับได้มากขึ้นเมื่อเล่นคนเดียว ไม่ก็โทษ 'ดวง' แม่ง

ในแต่ละครั้งที่แพ้เราก็สามารถเรียนรู้ได้ว่า เราพลาดอะไรไป และรอบหน้าเราจะกลับมาแก้แค้นให้จงได้

บางครั้งผมก็ 'โกง' นิดหน่อย

ลักษณะพิเศษประการหนึ่งของการเล่นบอร์ดเกมคนเดียวคือการไม่มีการควบคุมดูแล ใครอยู่ที่นั่นเพื่อให้แน่ใจว่าเราเล่นตามกฎ? อะไรจะหยุดเราไม่ให้จั่วไพ่ ไม่ชอบแล้วจั่วใหม่อีกครั้ง? แม้ว่าเราจะไม่ควรทำ แต่ผมพบว่าตัวเองกำลังทำแบบนั้นในบางครั้ง ในระหว่างเกม ผมอาจดำเนินการบางอย่างไปแล้ว แล้วมาพบที่หลังว่าผมควรจะตัดสินใจเลือกที่แตกต่างกันออกไปเพื่อผลลัพธ์ที่ดีกว่า ในช่วงเวลาเหล่านั้น ผมจะคิดว่า "ช่างมันเถอะ ย้อนกลับไปกันเถอะ" และแก้ไขมัน ฮาๆ ให้อารมณ์เหมือนกดปุ่ม Undo

เราได้ทำสิ่งต่าง ๆ ตามที่เราต้องการ

ผมเชื่ออย่างแท้จริงว่านี่คือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับการเล่นบอร์ดเกมคนเดียว ไม่มีการเร่งรีบ เราสามารถใช้เวลาทั้งหมดที่จำเป็นสำหรับการตั้งค่า ตรวจสอบกฎเกณฑ์อีกครั้ง หรือตัดสินใจดำเนินการต่อไป ไม่มีการหยุดทำงานจากการรอคนอื่นมาผลัดกัน เมื่อเรายอมรับอิสรภาพนี้ มันจะผ่อนคลายอย่างไม่น่าเชื่อ จากประเด็นทั้งหมดที่ผมได้กล่าวถึง ประเด็นนี้สำคัญที่สุด น่าแปลกที่มันเป็นสิ่งหนึ่งที่ผมอยากจะพูดถึงน้อยที่สุดเพราะคุณประโยชน์ของมันชัดเจนมาก


แม้ว่าบอร์ดเกมมักจะได้รับการนิยมในการเล่นเป็นกลุ่ม แต่การเดินทางสู่การเล่นเกมคนเดียวของผม มันได้สอนผมให้มีความยินดีและเติมเต็มเป็นพิเศษที่จะพบได้ในการแสวงหาประสบการณ์อันซับซ้อนและน่าดึงดูดเหล่านี้อย่างโดดเดี่ยว ไม่ว่าจะเป็นความตื่นเต้นในการพิชิตเกมที่ท้าทาย การดื่มด่ำไปกับการเล่าเรื่องที่น่าดึงดูด หรือการมีอยู่อย่างมีสติที่จำเป็นต่อการนำทางกลไกที่ซับซ้อน การเล่นบอร์ดเกมคนเดียวได้เปิดโลกแห่งประสบการณ์การเล่นเกมที่ผมอาจมองข้ามไป หากใครยังไม่ได้ลอง ผมขอแนะนำให้ลองดู คุณอาจค้นพบความซาบซึ้งในศิลปะการเล่นคนเดียวที่เพิ่งค้นพบ

แต่ยังไงผมก็ยังอยากเล่นบอร์ดเกมกับคนอื่น ๆ อยู่เสมอนะ เพราะมันได้มีการพูดคุย ช่วยกันวิเคราะห์ หรือหยอกล้อกันบ้าง มันเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ชีวิตเรามีความสุขขึ้น