หลายคนอาจรู้สึกว่า “เรื่องเงิน” เป็นเรื่องเข้าใจยากและไกลตัวแต่ความจริงแล้ว การมีความรู้ทางการเงินเป็นเหมือนเข็มทิศที่ช่วยนำทางให้ชีวิตเราดีขึ้นลองจินตนาการดูว่า จากคนที่มีหนี้สินมากมาย หากเรารู้วิธีจัดการหนี้อย่างถูกวิธี เช่น การรวมหนี้เพื่อให้ได้ดอกเบี้ยที่ถูกลง ก็จะช่วยให้เราหายใจได้คล่องขึ้นหรือฟรีแลนซ์ที่มีรายได้ไม่แน่นอน หากมีความรู้เรื่องการลงทุน ก็สามารถสร้างรายได้ให้ไหลเข้ากระเป๋าได้แม้ในวันที่ไม่ได้ทำงานทักษะเหล่านี้ไม่ใช่เรื่องของคนรวยเท่านั้น แต่เป็นทักษะที่ทุกคนควรมีเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของตัวเอง

แล้วทักษะการเงินที่ว่านั้นมีอะไรบ้าง? ลองมาดูกัน

1. รู้จักตัวเองผ่าน "งบการเงินส่วนตัว"

ก่อนจะวางแผนอะไรก็ตาม การรู้จักสถานะของตัวเองเป็นสิ่งแรกที่ควรทำเสมอ การเงินก็เช่นกันซึ่งเราสามารถทำความรู้จักสุขภาพการเงินของตัวเองได้ง่าย ๆ ผ่านงบ 2 ประเภทนี้

คุณมั่งคั่งแค่ไหน? (งบแสดงสถานะทางการเงิน)

งบนี้จะบอกว่าสถานะการเงินของเราแข็งแกร่งหรืออ่อนแอโดยมีสมการง่าย ๆ คือ

สินทรัพย์ - หนี้สิน = ความมั่งคั่ง

ตัวอย่างเช่น ถ้าเรามีบ้านราคา 5 ล้านบาท แต่ยังมีหนี้ที่ต้องผ่อนธนาคารอีก 1 ล้านบาท ความมั่งคั่งที่แท้จริงของเราจากบ้านหลังนี้คือ 4 ล้านบาทการทำงบนี้จะช่วยให้เรารู้ว่ามีหนี้สินอะไรบ้างและควรจัดการอย่างไร

เงินหายไปไหน? (งบรายรับ-รายจ่าย)

งบนี้จะแสดงให้เห็นว่าในแต่ละเดือนเรามีเงินเข้ามาเท่าไรและใช้จ่ายไปกับอะไรบ้างเราสามารถแยกรายจ่ายเป็นหมวดหมู่ต่าง ๆ เช่น ค่าใช้จ่ายคงที่ ค่าใช้จ่ายผันแปร หรือแบ่งตามการใช้งานอย่าง ค่ากินอยู่ ค่าบันเทิง และเงินออมเพื่อการลงทุนข้อดีคือมันทำให้เรารู้ว่ากระแสเงินสดของเราเป็นอย่างไร หากติดลบ เราจะเห็นได้ทันทีว่าควรลดรายจ่ายส่วนไหนลง

2. เข้าใจและจัดการ "หนี้" อย่างถูกวิธี

การเข้าใจหนี้คือการรู้ที่มาและวิธีคิดดอกเบี้ยของหนี้แต่ละประเภท เพื่อที่เราจะรับมือได้อย่างถูกต้องเช่น ดอกเบี้ยรถยนต์มักเป็นแบบคงที่ตลอดอายุสัญญา ในขณะที่ดอกเบี้ยบ้านเป็นแบบลดต้นลดดอกเมื่อเข้าใจเช่นนี้แล้ว หากเราต้องการลดภาระดอกเบี้ย ก็ควรจะเร่งจ่ายหนี้บ้านให้มากขึ้น เพราะยิ่งเงินต้นลดลงเร็วเท่าไร ดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายก็จะน้อยลงตามไปด้วยนอกจากนี้ยังมีวิธีจัดการหนี้อื่น ๆ เช่น

  • การรวมหนี้: คือการรวบหนี้หลาย ๆ ก้อนที่เรามีมาไว้ที่เดียว เพื่อขอสินเชื่อใหม่ที่ดอกเบี้ยถูกกว่าเดิมมาชำระหนี้เก่าที่มีดอกเบี้ยแพง
  • การขยายเวลาชำระหนี้: เหมาะสำหรับช่วงเวลาที่รายได้ลดลง เพื่อช่วยลดภาระการผ่อนชำระต่อเดือนให้น้อยลง

3. เปลี่ยน "บัตรเครดิต" ให้เป็นผู้ช่วยชั้นดี

หลายคนมองว่าบัตรเครดิตเป็นตัวสร้างปัญหาทางการเงิน เพราะมันกระตุ้นให้เราใช้จ่ายเกินตัวแต่หากเราบริหารจัดการอย่างดี บัตรเครดิตก็มีประโยชน์มากมายเช่นกัน

  • ช่วยเพิ่มสภาพคล่อง: ทำให้เราไม่ต้องใช้เงินสดทันที และสามารถนำเงินก้อนนั้นไปฝากเพื่อรับดอกเบี้ยก่อนได้
  • ช่วยลดค่าใช้จ่าย: บัตรเครดิตบางใบมีโปรโมชันเครดิตเงินคืน
  • ช่วยสร้างประวัติทางการเงิน: การชำระหนี้ตรงเวลาและเต็มจำนวน จะสร้างประวัติที่ดี ซึ่งเป็นผลบวกต่อการขอสินเชื่อในอนาคต

4. "ตั้งเป้าหมาย" การเงินให้ชัดเจน

แม้จะดูเป็นเรื่องพื้นฐาน แต่การมีเป้าหมายทางการเงินที่ชัดเจนจะช่วยให้เราวางแผนชีวิตได้อย่างเป็นระบบตัวอย่างเช่น หากเราตั้งเป้าหมายว่าอยากมีเงินใช้หลังเกษียณเดือนละ 30,000 บาท เราจะต้องเตรียมเงินก้อนเท่าไรเพื่อนำไปลงทุนให้ได้ผลตอบแทนที่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายนั้น

  • สมมติว่าเราคาดหวังผลตอบแทนจากการลงทุนปีละ 4%
  • เราจะต้องมีเงินลงทุนก้อนแรกเท่ากับ 9 ล้านบาท (คำนวณจาก 360,000 บาทต่อปี หารด้วย 4%)
  • เมื่อมีตัวเลขเป้าหมายที่ชัดเจนแล้ว เราจะสามารถวางแผนการออมและการลงทุนในแต่ละเดือนเพื่อให้ไปถึงเป้าหมายได้

5. ต่อยอดเงินให้งอกเงยด้วย "การลงทุน"

การลงทุนคือหนึ่งในกุญแจสำคัญสู่อิสรภาพทางการเงินพลังของผลตอบแทนทบต้นจะช่วยให้เราไปถึงเป้าหมายได้เร็วกว่าการออมเพียงอย่างเดียวลองดูตัวอย่างนี้

  • นาย A: ออมเงินเดือนละ 10,000 บาท
  • นาย B: ลงทุนเดือนละ 5,000 บาท โดยได้ผลตอบแทนเฉลี่ย 12% ต่อปี

หากทั้งคู่ต้องการมีเงิน 10 ล้านบาท นาย B จะใช้เวลาเพียง 25 ปีครึ่ง ขณะที่นาย A ต้องใช้เวลานานถึง 83 ปี 4 เดือนนอกจากนี้ การลงทุนยังช่วยสร้าง Passive Income หรือรายได้ที่เข้ามาอย่างสม่ำเสมอแม้เราจะไม่ได้ทำงาน ผ่านการลงทุนในสินทรัพย์ต่าง ๆ เช่น หุ้นปันผล หรือกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์

บทสรุป

ทักษะการเงินที่กล่าวมาทั้งหมดนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้นแต่ก็เป็นเครื่องมือที่ทรงพลังและสามารถสร้างประโยชน์ให้ชีวิตเราได้อย่างมหาศาลหวังว่าบทความนี้จะช่วยจุดประกายให้ทุกคนเห็นความสำคัญและเริ่มต้นศึกษาเรื่องการเงิน เพื่อนำไปปรับใช้และพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ดียิ่งขึ้นได้