พระสงฆ์เกี่ยวข้องการเมืองได้ไหม?
ช่วงนี้เราจะเห็นพระสงฆ์หลายรูปออกมาพูดถึงการเมืองในหลาย ๆ มิติที่เกิดขึ้น ทั้งสนับสนุนรัฐบาล และไม่เห็นด้วยกับรัฐบาล หรือแม้แต่ออกมาเดินขบวน กิจกรรมเหล่านี้หากกระทำโดยคนปกติมันก็คือการแสดงความคิดเห็นออกมา หรือแสดงการกระทำออกมาเพื่อแสดงให้คนอื่น ๆ รู้ในสิ่งที่ตนเชื่อ หรือตนรู้มา
แต่พอเกิดพระสงฆ์ได้กระทำกิจกรรมเหล่านี้บ้างก็จะมีทั้งกระแสต่อต้าน และเห็นด้วยโดยใช้ความรู้สึกของตัวเองเป็นตัวนำทาง แต่ก่อนที่เราจะเห็นด้วย หรือต่อต้าน ผมว่าเราชาวพุทธควรหันมาศึกษาข้อมูลกันก่อนว่า พระพุทธเจ้านั้นได้ตรัสสอนไว้ว่าอย่างไรกับสิ่งเหล่านี้แล้วค่อยมาตัดสินกันว่า พระสงฆ์เกี่ยวข้องการเมืองได้หรือไม่ โดยขอแบ่งเป็นหัวข้อ ดังนี้
1. เข้ามาบวชเพื่ออะไร !
การเข้ามาบวชเป็นพระสงฆ์ผู้ซึ่งเป็นสาวกของพระพุทธเจ้า คนที่เข้ามาบวชโดยส่วนมากแล้วจะเข้ามาเพื่อศึกษาธรรม เพื่อพ้นทุกข์ เพื่อรอบรู้ซึ่งทุกข์ ถ้าเป้าหมายของพระสงฆ์รูปนั้นเป็นเช่นนี้ นั้นแสดงว่ามาถูกทาง และทำตามที่พระพุทธเจ้าได้ทรงตรัสไว้
ดังนั้นพระสงฆ์รูปใดจุดประสงค์นอกเหนือจากนี้ถือว่าเป็นสิ่งที่ผิด... ซึ่งเราชาวพุทธไม่ควรสนับสนุน
พระสูตรเต็ม
ถ้าใครใครถามเธอว่าบวชมาเพื่ออะไร...ให้เธอตอบไปว่าบวชมาเพื่อ(รอบรู้ซึ่งทุกข์).
ก็อะไรคือทุกข์ ...ทุกข์คือ ตา,หู จมูก,ลิ้น,กาย,ใจ.
ถ้าใครใครถามว่าเธอคือใคร...จงตอบเขาไป ว่าเราคือ (สมณะ ศากยะ ปุตติยะ) คือ โอรสอันเกิดโดยธรรม,เกิดจากพระโอษฐ์(ปาก)ของพระผู้มีพระภาคเจ้า.
เมื่อ เธอบวชเข้ามาในธรรมวินัยนี้แล้ว เธอจะตั้งใจศึกษาหรือไม่ตั้งใจศึกษา...แต่ให้เธอจง ตั้ง จิตเพื่อที่จะศึกษา และศึกษาแต่ในคำของ ตถาคต (ตถาคตภาษิตตา) ศึกษาเล่าเรียนแต่ในคำของพระตถาคตเท่านั้น.
สุตตันตะเหล่าใด เป็นคำกล่าวของสาวก ที่นักกวีแต่งขึ้นใหม่จะเป็นคำร้อยกรองประเภทกาพย์กลอนมีอักษรสละสลวยมีพยัญชนะอันวิจิตรเป็นเรื่องนอกแนวเมื่อมีผู้นำสุตตันตะเหล่านั้นมากล่าวอยู่เธอจะไม่ฟังด้วยดีไม่เงี่ยหูฟังไม่ตั้งจิตเพื่อที่จะรู้ทั่วถึงและไม่สำคัญว่าเป็นสิ่งที่ตนควรศึกษาเล่าเรียนส่วนสุตตันตะเหล่าใดที่เป็นคำของตถาคตเป็นข้อความลึกมีความหมายซึ้งเป็นชั้นโลกุตตระ ว่าด้วยเฉพาะเรื่องสุญญตา เมื่อมีผู้นำ สุตตันตะเหล่านั้นมากล่าวอยู่ เธอจักฟังด้วยดี จักเงียบหูฟัง จักตั้งจิตเพื่อที่จะรู้ทั่วถึง และย่อมสำคัญว่าเป็นสิ่งที่ตนควรศึกษาเล่าเรียน.
2. บรรพชาเป็นโอกาสว่าง ... ฆราวาสคับแคบเป็นทางมาแห่งธุลี
ในสมัยก่อนหากใครได้ยินคำสอนของพระพุทธเจ้า แล้วเข้าใจในธรรมนั้นก็จะรู้สึกว่าการที่เราอยู่เป็นฆราวาสนั้นมันมีแต่เรื่องที่ต้องทำมากมาย ดังนั้นหากอยากรู้ว่าทุกข์คืออะไร หนทางพ้นทุกข์คืออะไร เขาเหล่านั้นก็จะขอบวชเป็นพระสงฆ์ทันที เพราะมองเห็นเป็นโอกาสที่จะได้มีเวลาเข้ามาศึกษาธรรมอย่างจริงจัง
พระสูตรเต็ม
ตถาคตนั้น แสดงธรรมไพเราะในเบื้องต้น ไพเราะในท่ามกลาง ไพเราะในที่สุด, ประกาศพรหมจรรย์บริสุทธิ์บริบูรณ์สิ้นเชิง พร้อมทั้งอรรถะพร้อมทั้งพยัญชนะ. คฤหบดี หรือว่าคฤหบดีบุตร หรือบุคคลผู้เกิดแล้วในตระกูลใดตระกูลหนึ่ง ในภายหลัง ย่อมไดฟังซึ่งธรรมนั้น. บุคคลนั้นๆ ครั้นได้ฟังแล้วย่อมได้ซึ่งสัทธาใน ตถาคต, มาตามพร้อมแล้วด้วยการได้สัทธาในตถาคตแล้ว ย่อมพิจารณาเห็นอย่างนี้ว่า “ฆราวาสคับแคบ เป็นทางมาแห่งธุลี, บรรพชาเป็นโอกาส
ว่าง ; มิใช่เป็นการง่าย ที่จะอยู่ครองเรือนแล้วประพฤติพรหมจรรย์ให้บริสุทธ์ โดยส่วนเดียวดุจสังข์อันขัดดีแล้ว, ถ้ากระไร เราจะพึงปลงผมและหนวด นุ่งห่มผ้ากาสายะแล้ว ออกจากเรือนบวชสู่ความไม่มีเรือนเถิด” ดัง นี้บุคคลนั้น ครั้นถึงสมัยอื่น ละโภคะน้อยใหญ่ ละวงค์ญาติน้อยใหญ่ ปลงผมและหนวด นุ่งห่มผ้ากาสายะแล้ว ออกบวชจากเรือนสู่ความไม่มีเรือน.
3. ภิกษุในธรรมวินัยนี้ เว้นขาดจากการพูดเรื่องโลก
พระสูตรนี้ชัดเจนมากว่าพระพุทธเจ้าได้ตรัสแล้วว่าห้ามพูดเรื่องโลก เรื่องการเมือง และยังบอกว่าอันนี้ก็เป็นศีลที่ควรปฎิบัติ
พระสูตรเต็ม
เมื่อสมณะหรือพราหมณ์บางพวก ฉันโภชนะที่เขาให้ด้วยศรัทธาแล้ว ท่านเหล่านั้นยังกล่าวเดรัจฉานกถาเห็นปานนี้ คือ พูดเรื่องพระราชา เรื่องโจร เรื่องมหาอำมาตย์ เรื่องกองทัพ เรื่องภัย เรื่องการรบ เรื่องข้าว เรื่องน้ำ เรื่องผ้า เรื่องที่นอน เรื่องดอกไม้ เรื่องของหอม เรื่องญาติ เรื่องยานพาหนะ เรื่องหมู่บ้าน เรื่องนิคม เรื่องนคร เรื่องชนบทเรื่องสตรี เรื่องบุรุษ เรื่องคนกล้าหาญ เรื่องตรอก เรื่องท่าน้ำ เรื่องคนที่ล่วงลับไปแล้ว เรื่องเบ็ดเตล็ด เรื่องโลก เรื่องทะเล เรื่องความเจริญและความเสื่อม ด้วยประการนั้นๆ.
ส่วนภิกษุในธรรมวินัยนี้ เว้นขาดจากเดรัจฉานกถา เห็นปานนี้เสียแล้ว แม้นี้ก็เป็นศีลของเธอประการหนึ่ง.
บาลี สี. ที.๙:๘๗:๑๑๐
ภิกษุทั้งหลาย ! พวกเธอทั้งหลาย จงอย่ากล่าวเดรัจฉานกถาเห็นปานนี้ คือ พูดเรื่องพระราชา เรื่องโจร เรื่องมหาอำมาตย์ เรื่องกองทัพ เรื่องภัย เรื่องการรบ เรื่องข้าว เรื่องน้ำ เรื่องผ้า เรื่องที่นอน เรื่องดอกไม้ เรื่องของหอม เรื่องญาติ เรื่องยานพาหนะ เรื่องหมู่บ้าน เรื่องนิคม เรื่องนคร เรื่องชนบท เรื่องสตรี เรื่องบุรุษ เรื่องคนกล้าหาญ เรื่องตรอก เรื่องท่าน้ำ เรื่องคนที่ล่วงลับไปแล้ว เรื่องเบ็ดเตล็ด เรื่องโลก เรื่องทะเล เรื่องความเจริญและความเสื่อม ด้วยประการนั้นๆ
เพราะเหตุไรจึงไม่ควรกล่าว เพราะการกล่าวนั้นๆ ไม่ประกอบ
ด้วยประโยชน์ ไม่เป็นเงื่อนต้นของพรหมจรรย์ ไม่เป็นไปพร้อมเพื่อความหน่ายทุกข์ ความคลายกำหนัด ความดับ ความรำงับ ความรู้ยิ่ง ความรู้พร้อม และนิพพานเลย.
จากสามข้อที่กล่าวมาก็จะเห็นได้ว่าพระสงฆ์ไม่ควรยุ่งการเมือง เรื่องการเมืองเป็นเรื่องของทางโลก ให้ทางโลกจัดการ พระสงฆ์ควรมุ่งศึกษาเพื่อให้พ้นทุกข์ เพื่อให้เห็นทุกข์ตามความเป็นจริง แล้วแสดงธรรมนั้นออกมาตามความเป็นจริง ให้ทางโลกได้เห็นได้เข้าใจในทุกข์ต่าง ๆ และวิธีการพ้นทุกข์
ดังนั้นผมจะไม่สนับสนุนพระรูปใดก็ตามที่เข้ามายุ่งเรื่องการเมือง ไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไรก็ตาม เพราะมีเหตุผลเดียวที่คุณเข้ามาบวชเป็นพระสงฆ์คือ การศึกษาธรรมเพื่อพ้นทุกข์
สาธุ...
Comments ()